วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 1 หลักการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น

ขั้นตอนการเขียนโปรมแกรม สามารถแบ่งออกเป็น5ขั้นตอนด้วยกัน คือ
1. การวิเคราะห์ปัญหา
2. การออกแบบโปรแกรม
3. การเขียนโปรแกรม
4. การทดสอบโปรแกรม
5.การจัดทำเอกสารประกอบ โปรแกรม
                   
:รูปแบบการเขียนโปรแกรม: สามารถแบ่งออกเป็น2รูปแบบด้วยกันคือ
1. การเขียนโปรแกรมเชิงโครสร้าง
2.  การเขียนโปรมแกรมเชิงวัตถุ
                   
:การเขียนโปรแกรมเชิงโครสร้าง: ประกอบด้วย
:ชุดคำสั่งภายในโปรแกรม จะเป็นลำดับขั้นตอน
:มีทางเลือกในการตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง
:มีชุดคำสั่งเพื่อการทำซ้ำ
จุดประสงค์ของเทคนิคการออก
แบบโปรแกรมเชิงโครงสร้าง ประกอบด้วย
1.เพื่อสร้างโปรมแกรมให้มีคุณภาพ และทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโปรแกรม
2.เพื่อสร้างโปรแกรมที่ง่ายต่อการปรับปรุงและแก้ไข
3.เพื่อให้ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมมีระบบระเบียบยิ่งขึ้น
4.เพื่อให้การพัฒนาระบบมีความรวดเร็ว และประหยัดต้นทุน
                
อัลกอริทึมหรือขั้นตอนวิธี คือกระบวนการทำงานที่เป็นลำดับขั้นตอน ชัดเจน และมีการรับประกันว่าเมื่อได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั้นตอนจนครบแล้ว จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตามความต้องการ

:อัลกอริทึม:  ที่นำมาใช้เพื่อการ
แก้ปัญหาหนึ่งๆอาจมีความแตกต่างกันได้ แต่ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและเป็นแนวทางที่คิดว่าดีที่สุด
                   
คุณสมบัติของอัลกอริทึม ประกอบด้วย
1.เป็นกระบวนการที่สร้างขึ้นจากกฎเกณฑ์
2.กฎเกณฑ์ที่สร้างอัลกอริทึมต้องไม่คลุมเครือ
3.การประมวลผลต้องเป็นลำดับขั้นตอน
4.กระบวนการต้องให้ผลลัพธ์ตามที่กำหนดในปัญหา
5.อัลกอริทึมต้องมีจุดสิ้นสุด

ประสิทธิภาพของอัลกอริทึม จะพิจารณาถึงเกณฑ์พื้นฐานต่อไปนี้
1.อัลกอริทึมที่ดีต้องใช้เวลาในการดำเนินการน้อยที่สุด
2.อัลกอริทึมที่ดีต้องใช้หน่วยความจำน้อยที่สุด
3.อัลกอริทึมที่ดีต้องมีความยืดหยุ่น
4.อัลกอริทึมที่ดีต้องใช้เวลาในการพัฒนาน้อยที่สุด
5.อัลกอริทึมที่ดีต้องง่ายต่อความเข้าใจ
               
ซูโดโค้ดและผังงาน
ต่างก็สามารถนำมาใช้เป็นตัวแทนของอัลกอริทึมได้
ลำดับขั้นตอนใดบ้าง แต่ผังงานมีข้อจำกัดในเรื่องของการขาดรายระเอียด ดังนั้น ในการทำงานจริงๆแล้วซูโดโค้ดจึงมักถูกนำไปเป็นตัวแทนของอีลกอริทึมมากกว่า
ซูโดโค้ด มีรูปแบบเป็นโครงสร้าง
ภาษาอังกฤษที่มีความคล้ายคลึงกับภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงแต่อย่างไรก็ตาม การเขียนซูโดโค้ดไม่มี
มาตรฐานการเขียนที่ชัดเจนอย่าง
ภาษาระดับสูง ดังนั้น
จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงหลักการ เพื่อสามารถเขียนซูโดโค้ดให้สามารถสื่อสารกับโปรแกรมเมอร์ได้อย่างเข้าใจ
หลักการเขียนซูโดโค้ด
1.ถ้อยคำหรือประโยคคำสั่งให้เขียนอยู่ในรูปแบบของภาษาอังกฤษ
อย่างง่าย
2.ในหนึ่งบรรทัด ให้เขียนประโยคคำสั่งเพียงคำสั่งเดียว
3.ควรใช้ย่อหน้าให้เป็นประโยชน์เพื่อแยกคำเฉพาะรวมถึงจัดโครงสร้างการควยคุมให้เป็นสัดส่วนซึ่งการ
กระทำดังกล่าวจะทำให้อ่านง่าย
4.แต่ละประโยคคำสั่งให้เขียนลำดับจากบนลงล่างโดยมีทางเดียวและมีทางออกทางเดียวเท่านั้น
5.กลุ่มของประโยคคำสั่งต่างๆอาจจัดรวมกลุ่มเข้าด้วยกันในรูปแบบของโมดูลแต่ต้องกำหนดชื่อโมดูลเหล่านั้นด้วย เพื่อให้สามารถเรียกใช้โมดูลนั้น
      
เครื่องหมาย = จะนำมาใช้เพื่อ
การกำหนดค่าและการคำนวณเช่น x = 0 ,sum = x +y
การอ่านหรือรับข้อมูล
สามารถใช้คำสั่งREND,INPUT  และ GET แต่ RENDมักถูกนำมาใช้สำหรับอ่านค่าที่มีอยู่แล้วมาเก็บไว้ในตัวแปรเช่นการอ่านข้อมูลจากไฟล์ในขณะที่ INPUT และGETจะนำไปใช้สำหรับ
การรับค่าข้อมูลผ่านแป้นคีย์บอร์ด
การแสดงผลข้อมูล สามารถใช้
คำสั่ง PRINT,PROMPT และ WRITE แต่ PRINT และ PROMPTมักถูกนำไปใช้สำหรับการพิมพ์ค่าข้อมูลหรือข้อความใน
ขณะที่ WRITE จะนำไปใช้สำหรับ
การบันทึกข้อมูลลงในแฟ้มข้อมูล
การกำหนดเงื่อนไข จะใช้ประโยค IF….THEN….ELSE โดยหากเงื่อนไขที่ตรวจสอบเป็นจริง ก็จะทำกิจกรรมหลัง THEN แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะทำ
กิจกรรมหลัง ELSE กรณีที่การตรวจสอบเงื่อนไข IF ซ้อนกันหลายๆ ชั้น อาจทำให้แลดูยุ่งเหยิงและตรวจ
สอบยาก ดังนั้น
จึงสามารถใช้คำสั่งCASE…ENDCASE แทนได้
คำสั่งที่ใช้ทำงานเป็นรอบหรือลูป มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน คือ
ลูปWHILE…ENDWHILE
เป็นลูปที่มีการตรวจสอบเงื่อนไขก่อน ดังนั้น หากเงื่อนไขเป็นจริง  ก็จะทำกิจกรรมภายในลูปซ้ำไปเรื่อยๆจนกระทั่ง เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จก็จะหลุดออกจากลูปแต่อย่างไรก็ตาม หากเงื่อนไขที่ตรวจสอบครั้งแรกเป็นเท็จก็จะไม่มีการดำเนินกิจกรรมภายในลูปเลย
ลูป DO…UNTIL
เป็นลูปที่อย่างน้อยต้องดำเนินการภายในลูปรอบหนึ่งเสมอ จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเงื่อนไข โดยจะวนซ้ำไปเรื่อยๆจนกว่าเงื่อนไขจะเป็นเท็จ จึงหลุดออกจากลูป
ลูป FOR…NEXT เป็นลูปที่มีการกำหนดรอบการวนซ้ำที่มีจำนวนรอบที่แน่นอน กรณีที่โปรแกรมมีขนาดใหญ่อาจเขียนซูโดโค้ดด้วยการแบ่งออกเป็นโพรซีเยอร์ได้โดยแต่ละโพรซีเยอร์
ต่างก็มีหน้าทีของตนโดยเฉพาะและสามารถเรียกใช้งานได้บ่อยตามที่ต้องการสำหรับการเรียกใช้งานก็จะใช้คำสั่งชุด CALL แล้วตามด้วยชื่อโพรซีเยอร์ และเมื่อทำงานจนสิ้นสุดโพรซีเยอร์นั้นๆแล้วก็จะกลับมายังตัวโปรแกรมหลังเพื่อทำงานชุดคำสั่งในลำดับ
ถัดไป.
                        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น